วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ท้าวสีทน นางมโนราห์

ในภาพอาจจะมี 4 คน, คนที่ยิ้ม, ผู้คนกำลังยืน

เรื่องท้าวสีทน นางมโนราห์
เป็นอดีตชาติหนึ่ง ของ พระพุทธเจ้าและพระนางพิมพา
  • ดังในหนังสือใบลานผูก อักษรธรรม 4 ผูก พบที่วัดบ้านแดงหม้อ ต.แดงหม้อ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี มีว่า..
  • ยังมีนครเป็งจาล มีกษัตริย์ชื่อ ท้าวอาทิตราช พระโพธิสัตว์ได้จุติในครรภ์พระเทวีของพระองค์ เมื่อประสูติแล้วทรงพระนามว่า สีทนต์ เมื่อประสูติมามีธนูอาวุธประจำพระองค์พระองค์ติดมาด้วย แสดงถึงความเป็นผู้มีบุญบารมี 
  • มีนายพรานคนหนึ่งไปล่าสัตว์ที่ป่าหินพานต์ ไปช่วยกิตตินาคราชให้พ้นจากการคุกคามของยักษ์ นายพรานไปพบนางกินรี ชื่อ มโนราห์ และพี่ของนางรวม 7 คน มาเล่นน้ำในสระริมเขาไกรลาส นายพรานจึงยืมเอาบ่วงบาศจากพระยานาคที่ตนช่วยชีวิตไว้ แล้วนำนางไปถวายท้าวสีทนต์ ท้าวสีทนต์ยกนางไว้ในตำแหน่งมเหสี ต่อมามีโจรมารุกรานนอกเมือง ท้าวสีทนต์จึงลานางมโนราห์ไปปราบโจร ท้าวอาทิตราชได้ทรงพระสุบินว่า ไส้ได้ไหลออกจากท้องจึงให้หมอโหรมาทายดู หมอโหรทายว่าจะต้องเอาเนื้อนางมโนราห์ เซ่นผีบ้านเมือง นางมโนราห์จึงทำอุบายขอปีกหางจะรำให้ดู แล้วนางก็บินหนีไปยังเขาไกรลาส 
  • ท้าวสีทนต์ไปปราบโจร 3 เดือนก็สำเร็จ กลับมาไม่พบมโนราห์จึงออกตามหา ท้าวสีทนต์ไปตามหานางด้วยความยากลำบาก ไปพบพระฤาษีที่นางมโนราห์ฝากแหวนไว้ พระฤาษีชี้ทางไปและแนะนำเช่นการกินผลไม้ให้กินตามนก จะพบเส้นทางยากลำบาก ให้ปราบด้วยมะนาวเสกต่อมาพบยักษ์สูงเจ็ดชั่วลำตาล ให้ใช้ปืนยิง และข้ามแม่น้ำที่มีงูจงอาง งูเหลือม งูทำทาน เป็นแม่น้ำที่มีพิษ พ้นจากตรงนั้นจะต้องเกาะหลังนกอินทรีย์ไปจนกว่านกอินทรีย์จะพาบินไปถึงป่าหิมพานต์ของนางมโนราห์ ในที่สุดท้าวสีทนต์ก็ได้พบกับนางมโนราห์สมดังปราถนา

เรื่องราวน่าจะเกิดขึ้นที่อีสานกับลาวนี่หล่ะมั้งครับ
  • นี่คือสิ่งที่ยืนยันความวิเศษของแผ่นดินนี้ครับ นิทานธรรม ที่ผมได้ค้นหาเจอมา ตามนี้ครับ ครูบาไก่ - Suwit Chinnawaro
.....
ตำนานรักท้าวศรีธน
  • ท้าวศรีธน เป็นโอรสของพระเจ้าอาทิตยวงศ์ เจ้าเมืองปัญจาลนคร หรือเมืองเปงจาน ขณะนี้เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ตั้งอยู่เส้นทางหมายเลข ๒๑๒ หนองคาย-บึงกาฬ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย ท้าวศรีธนเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์มาก เพราะเมื่อตอนประสูติเกิดขุมทองขึ้นสี่มุมเมือง สายรกที่พันรอบพระวรกาย ดูคล้ายธนูและลูกศรออกมาจากครรภ์พระมารดาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ชาวเมืองเปงจาน เล่าขานกันมาโดยตลอด
  • เมื่อท้าวศรีธนราชกุมมารทรงเจริญเติบโตขึ้น ก็มีพระวรกายงดงามหล่อเหลายิ่งนัก เป็นที่ชื่นชอบแก่ชาวเมืองเปงจานและนครใกล้เคียงทั่วไป 
  • เมื่อครั้งยังอยู่ในปฐมวัย พระกุมารเรียนวิชาพื้นฐานการยิงธนูกับราชครูในวัง เหมือนกับพระองค์มีพรสวรรค์อยู่ในตัว เรียนได้อย่างรวดเร็ว สามารถยิงธนูได้อย่างเชี่ยวชาญ 
  • ต่อมาก็ได้เข้าเรียนวิชาศิลปะในการต่อสู้ชั้นสูง เมื่อสำเร็จแล้วจึงกลับพระนครเปงจาน ด้วยพระชนมายุ ๒๑ พรรษา 
  • พระองค์ได้เข้าปฏิบัติภารกิจบางอย่างแทนพระราชบิดาได้ผลเป็นอย่างดียิ่ง ต่อมาพระองค์ได้เข้าพิธีหมั้นกับพระนาง เพ็ญฉาย ซึ่งเป็นหลานสาวของปุโลหิตเฒ่า (ที่ปรึกษาของพระเจ้าอาทิตยวงศ์) 
  • แต่ท้าวศรีธนไม่ได้รักคู่หมั้นของพระองค์แม้สักนิด ถึงแม้พระนางเพ็ญฉายจะเป็นสาวสวยงามที่สุดในนครเปงจานก็ตาม
  • ยังมีพรานล่าเนื้อคนหนึ่งชื่อพรานบุญ ชื่อเดิม บุณฑริก เป็นคนนิสัยโอบอ้อมอารีกับมนุษย์ด้วยกัน แต่เขาจะโหดเหี้ยมหยาบกระด้างกับสัตว์ที่แก่จับได้แล้วสังหาร 
  • พรานบุญเคยได้ช่วยเหลือพญานาค ชมพูจิตร จากการลอบสังหารของ พราหมณ์ ผู้อาสาจากพระเจ้านันทราช จอมทัพแห่งเมือง มหาปัญจาละ กษัตริย์ผู้มีอคติกับ พระเจ้าอาทิตยวงศ์แห่งเปงจานนคร 
  • จึงทำให้พญานาค ชมพูจิตร ไม่ลืมพระคุณตลอดเวลา พรานบุญได้เดินทางต่อไปถึงสระโบกขรณีหรือสระอโนดาต ซึ่งอยู่ใกล้กับอาศรมของพระฤๅษีกัสสปะ 
  • นายพรานได้เห็นนางกินรีมาเล่นน้ำ ที่สระก็อยากจะจับเอาถวายท้าวศรีธน นายพรานไปถามวิธีจับกับพระฤๅษี แนะให้พรานไปขอบ่วงบาศจากพญานาค ชมพูจิตร มาคล้องจับนางกินรีที่ชื่อ มโนราห์ได้ และได้นำมาถวายองค์ชายศรีธนตามความประสงค์
  • ต่อมาเมืองเปงจานเกิดเหตุร้าย มีโจรมาเที่ยวปล้นสะดมชาวตามแนวชายแดนระหว่างเมืองเปงจานกับเมืองมหาปัญจาละ พระเจ้าอาทิตยวงศ์จึงมอบภารกิจนี้ให้แก่องค์ชายศรีธนไปทำแทน 
  • ในระหว่างท้าวศรีธนไปปราบโจรที่ชายแดนนั้น ในคืนหนึ่งพระเจ้าอาทิตยวงศ์เกิดฝันร้ายจึงเรียกโหรมาทำนายความฝัน 
  • โหรได้ร่วมมือกับปุโรหิตเฒ่าที่อาฆาตท้าวศรีธน ที่ไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษกสมรส กับพระนางเพ็ญฉาย ผู้เป็นหลานของตน 
  • การทำนายครั้งนั้นจึงบิดเบียนไปว่า จะมีผีร้ายมาทำลายบ้านเมืองล่มจม ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนและจะถูกผีร้ายกินเป็นอาหาร ต้องทำพิธีพลีกรรมด้วยการฆ่านางมโนราห์สังเวยผี บ้านเมืองจึงจะเป็นสุข 
  • พระเจ้าอาทิตยวงศ์ตกลงพระทัยตามโหรหลวงบอก แต่เรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงพระธิดามโนราห์ ด้วยอำมาตย์ผู้ซื่อสัตย์ต่อองค์ชายศรีธน ได้นำเรื่องร้ายไปแจ้งให้ทราบ 
  • นางมโนราห์ได้อ้อนวอนขอปีกและหางจากพระนางจันทราเทวีผู้เป็นย่า เพื่อรำถวายให้พระแม่ย่าดู ขณะที่กำลังร่ายรำอยู่นั้น ทหารของปุโรหิตเฒ่าวิ่งกรูกันขึ้นมาบนปราสาท เพื่อมาจับไปฆ่าบูชายัญ 
  • นางมโนราห์จึงเดินออกมาหน้ามุกปราสาท แล้วรีบบินทะยานตัวขึ้นบนอากาศมุ่งหน้ากลับเมืองภูเงิน 
  • แต่ก่อนที่จะกลับ พระนางได้บินลงมาที่ถ้ำฤาษีกัสสปะ (ปัจจุบันคือวัดถ้ำศรีธน) และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ดาบสฟังและได้ฝากแหวน ผ้ากำพล ยาผงเสก ใบไม้จารึกคาถา หลังจากนั้นก็ขึ้นบินกลับสูพระนครภูเงินที่ตั้งอยู่บนเขาไกรลาส
  • หลังจากกลับมาจากปราบโจร ท้าวศรีธนออกติดตามนางมโนราห์มาถึงอาศรมของพระฤาษีกัสสปะและถามถึงทางที่จะตามไปหานาง พระฤๅษีก็บอกตามความที่นางมโนราห์สั่ง พร้อมทั้งมอบแหวน ผ้ากำพล ยาผงเสก ใบไม้จารึกคาถา ที่นางฝากเอาไว้ให้แก่องค์ชาย ตลอดจนวิธีการที่จะเดินทางไปสู่เมืองภูเงิน 
  • คืนนั้นองค์ชายศรีธนนอนพักกับพระฤาษีกัสสปะ และพระองค์จึงมาคิดว่า "เรามีความชำนาญแต่ด้านยิงธนู ควรที่จะเรียนวิชาเพิ่มเติมในด้านอิทธิฤทธิ์ต่างๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในระหว่างทาง" 
  • องค์ชายจึงหยุดเล่าเรียนวิชาอาคมกับพระฤษีที่ถ้ำอันเป็นอาศรมนี้ (ปัจจุบันเรียกว่าวัดถ้ำศรีธน) พระฤาษีกัสสปะก็ประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมให้จนสำเร็จ 
  • หลังจากนั้นพระองค์พยายามเดินฝ่าความยากลำบากตรากตรำ ผ่านด่านมหาโหดดังนี้ 
    • ๑ ด่านป่าหวายที่มีหนามคมกริบเต็มบริเวณยาวสุดตา 
    • ๒.ด่านพญาช้างสาร 
    • ๓.ด่านภูเขาผีสิงทีเคลื่อนกระทบกัน 
    • ๔.ด่านรากษส ที่มีใบหน้าเป็นยักษ์แต่ตัวเป็นหญิงสาวประทุมถันปานลูกฟักเขียว 
    • ๕.ด่านหญ้าคาและป่าอ้อที่ใบคมและยอดแหลมทะลุทะลวงฝ่าพระบาทเจ็บปวดยิ่งนัก 
    • ๖.ด่านภูเขาทองและภูเขาเงินที่ทะมึนสูงเสียดฟ้าขวางหน้า 
    • ๗.ด่านหินขรุขระยอดแหลมคมเป็นบริเวณกว้าง 
    • ๘.ด่านยักษ์ใหญ่ตาแดงดั่งเปลวไฟมือซ้ายถือสากเหล็กมือขาวถือขวานเล่มใหญ่ 
    • ๙.ด่านแม่น้ำกัดเหล็กกัดทอง 
    • ๑๐.ด่านงูเหลือมใหญ่ 
    • ๑๑.ด่านนกยักษ์ที่มีขนาดเท่าบ้านเรือนมนุษย์ 
  • ในที่สุดพระองค์ก็เดินทางถึงเมืองภูเงิน ท้าวทุมราชเจ้าเมืองภูเงินบิดาของนางมโนราห์ ไม่ยอมให้ท้าวศรีธนพบกับนางมโนราห์ แต่กลับให้ท้าวศรีธนทดลองศิลปศาสตร์ต่างๆ จนเป็นที่พอใจ
  • แล้วก็ให้ลูกสาวนางกินรีทั้ง ๗ คนซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนอย่างนางมโนราห์มานั่งเรียงรายเพื่อให้องค์ชายศรีธนเลือก ว่าคนใดคือนางมโนราห์ผู้เป็นมเหสี 
  • ด้วยพระองค์เคยทำบุญกุศลร่วมกับนางมโนราห์ไว้มากพระอินทร์ได้แปลงร่างมาเป็นแมลงวันทองมาบินวนรอบเกศนางมโนราห์ ท้าวศรีธนจึงเดินเข้าจับแขนของนางได้ 
  • พระเจ้าทุมราชจึงจัดการอภิเษกท้าวศรีธนกับนางมโนราห์ที่เมืองภูเงิน หลังจากที่อยู่เมืองภูเงินเป็นเวลานานพอสมควรพระองค์พร้อมมเหสีก็กลับมาครองเมืองเปงจานต่อจากพระบิดา

เรียบเรียงโดย
หนุ่มโนนศิลา